หากคุณยังไม่เคยเทรดฟอเร็กซ์และต้องการมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับคำศัพท์และแนวคิดต่างๆ เรารวบรวมมาให้คุณแล้ว ในบทความนี้ เราจะอธิบายหัวข้อดังต่อไปนี้
ฟอเร็กซ์คืออะไร
ฟอเร็กซ์ (หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) หมายถึง กระบวนการแลกเปลี่ยนสกุลเงินของประเทศหนึ่งกับสกุลเงินอื่นๆ ตลาดฟอเร็กซ์เป็นธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศูนย์กลางอยู่ที่กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้
เมื่อมูลค่าของสกุลเงินมีความผันผวน การทำกำไร (หรือขาดทุน) ก็เกิดขึ้นกับเทรดเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์ โดยมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการในการดำเนินการนี้
ตลาดฟอเร็กซ์มีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายประเภทให้เลือกเทรด เช่น คอมโมดิตี้ ดัชนี หุ้น และ Cryptocurrency Exness ให้บริการผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ซึ่งจ่ายส่วนต่างระหว่างมูลค่าของเครื่องมือทางการเงิน ณ เวลาที่เปิดสถานะ และมูลค่าของเครื่องมือทางการเงิน ณ เวลาที่ปิดสถานะ ซึ่งเป็นที่มาของกำไรและขาดทุน
คำศัพท์ที่ควรทราบ
รายการคำศัพท์บางส่วนพร้อมคำอธิบายและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเทรดได้ดียิ่งขึ้น
คู่สกุลเงิน คู่เงินรอง สกุลเงินหลัก และสกุลเงินรอง
คู่สกุลเงิน |
สกุลเงินของ 2 ประเทศซึ่งนำมาจับคู่กันในการซื้อขายภายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ฟอเร็กซ์) เช่น EURUSD, NZDCAD |
คู่เงินรอง |
คู่สกุลเงินที่ไม่ได้ประกอบด้วย USD เช่น EURGBP, NZDCHF |
สกุลเงินหลัก |
สกุลเงินลำดับแรกของคู่สกุลเงินเรียกว่าสกุลเงินหลัก เช่น EUR เป็นสกุลเงินหลักของคู่สกุลเงิน EURUSD |
สกุลเงินรอง |
สกุลเงินลำดับที่สองของคู่สกุลเงินเรียกว่าสกุลเงินรอง เช่น USD เป็นสกุลเงินรองของคู่สกุลเงิน EURUSD |
ราคา Bid และราคา Ask
ราคา Bid |
ราคาที่โบรกเกอร์เสนอซื้อสกุลเงินหลักภายในคู่สกุลเงิน และยังเป็นราคาที่ลูกค้าขายสกุลเงินหลักภายในคู่สกุลเงิน |
ราคา Ask |
ราคาที่โบรกเกอร์เสนอขายสกุลเงินหลักภายในคู่สกุลเงินให้กับลูกค้า และยังเป็นราคาที่ลูกค้าซื้อสกุลเงินหลักภายในคู่สกุลเงิน |
หมายเหตุ:
คำสั่ง Buy จะเปิดที่ราคา Ask และปิดที่ราคา Bid
คำสั่ง Sell จะเปิดที่ราคา Bid และปิดที่ราคา Ask
สเปรด
สเปรดคือผลต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask ของเครื่องมือทางการเงินนั้นๆ ค่าสเปรดจะอยู่ในหน่วยจุด สเปรดมีสองประเภท ได้แก่ สเปรดไม่คงที่และสเปรดคงที่ ซึ่งมีให้บริการในบัญชีประเภทต่างๆ ของ Exness
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่นี่
ล็อตและขนาดของสัญญา
ล็อต |
ล็อตคือขนาดหน่วยมาตรฐานในการทำธุรกรรม ล็อตคือขนาดของหน่วยมาตรฐานในการทำธุรกรรม โดยทั่วไปแล้วขนาดของล็อตมาตรฐานจะเท่ากับ 100,000 หน่วยในสกุลเงินหลัก |
ขนาดของสัญญา |
โดยเป็นค่าคงที่ ซึ่งแสดงจำนวนเงินของสกุลเงินหลักใน 1 ล็อต สำหรับเครื่องมือทางการเงินในฟอเร็กซ์ ขนาดของสัญญาจะคงที่ ซึ่งเท่ากับ 100,000 |
ปิ๊ป จุด ขนาดปิ๊ป และมูลค่าปิ๊ป
ปิ๊ป |
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของราคา (ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 ของเครื่องมือทางการเงินฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่) เช่น การเปลี่ยนแปลงของราคาจาก 1.35422 เป็น 1.35432 คือ 1 ปิ๊ป |
จุด |
การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าขั้นต่ำของราคา (ทศนิยมตำแหน่งที่ 5 ของเครื่องมือทางการเงินฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่) เช่น การเปลี่ยนแปลงของราคาจาก 1.35432 เป็น 1.35433 คือ 1 จุด 1 ปิ๊ป = 10 จุด |
ขนาดปิ๊ป |
แสดงตำแหน่งของปิ๊ปภายในราคา สำหรับเครื่องมือทางการเงินส่วนใหญ่ ขนาดปิ๊ปคือ 0.0001 ซึ่งเป็นเลขทศนิยมตำแหน่งที่ 4 |
มูลค่าปิ๊ป |
มูลค่าปิ๊ปใช้กำหนดมูลค่าของ 1 ปิ๊ป เพื่อให้เราสามารถคำนวณกำไรหรือขาดทุนของลูกค้าเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงไปหนึ่งปิ๊ป มูลค่าปิ๊ป = ขนาดปิ๊ป x ขนาดของสัญญา x ล็อต |
เลเวอเรจและมาร์จิ้น
เลเวอเรจ |
อัตราส่วนของอิควิตี้ต่อจำนวนเงินที่อนุญาตให้ใช้ลงทุนได้ Exness ให้บริการเลเวอเรจสูงถึง 1:ไม่จำกัดในเครื่องมือทางการเงินบางประเภท |
มาร์จิ้น |
จำนวนเงินในสกุลเงินของบัญชีที่โบรกเกอร์เก็บรักษาไว้เพื่อให้สถานะยังคงเปิดอยู่ |
หมายเหตุ: ยิ่งเลเวอเรจสูงขึ้น มาร์จิ้นก็จะน้อยลง
คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้นที่นี่
บาลานซ์ อิควิตี้ และฟรีมาร์จิ้น
บาลานซ์ |
ผลรวมของยอดเงินจากธุรกรรมที่มีการทำรายการเสร็จสิ้นทั้งหมด และการฝาก/ถอนเงินภายในบัญชี ซึ่งเป็นยอดเงินที่คุณมีก่อนที่จะเปิดคำสั่งซื้อขาย หรือหลังจากที่คุณปิดคำสั่งซื้อขายทั้งหมดแล้ว บาลานซ์ของบัญชีจะไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่คำสั่งซื้อขายยังคงเปิดอยู่ |
อิควิตี้ |
อิควิตี้ = บาลานซ์ +/- กำไร/ขาดทุน |
ฟรีมาร์จิ้น |
ฟรีมาร์จิ้น = อิควิตี้ - มาร์จิ้น จำนวนเงินคงเหลือในบัญชีหลังจากที่มีการพักมาร์จิ้น |
กำไรและขาดทุน
กำไรหรือขาดทุนคำนวณจากผลต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิดของคำสั่งซื้อขาย
กำไร/ขาดทุน = ผลต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด x มูลค่าปิ๊ป
โปรดทราบว่า
- คำสั่ง Buy จะทำกำไรเมื่อราคาเพิ่มขึ้น ในขณะที่คำสั่ง Sell จะทำกำไรเมื่อราคาลดลง
- คำสั่ง Buy จะขาดทุนเมื่อราคาลดลง ในขณะที่คำสั่ง Sell จะขาดทุนเมื่อราคาเพิ่มขึ้น
ระดับมาร์จิ้น การแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้น และ Stop Out
ระดับมาร์จิ้น |
อัตราส่วนอิควิตี้ต่อมาร์จิ้น ซึ่งแสดงในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ระดับมาร์จิ้น = (อิควิตี้ / มาร์จิ้น) x 100% |
การแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้น |
การแจ้งเตือนที่ส่งไปยังเทอร์มินัลการซื้อขาย เพื่อแจ้งให้ทราบว่าจำเป็นจะต้องฝากเงินหรือปิดสถานะบางรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการ Stop Out คุณจะได้รับการแจ้งเตือนนี้เมื่อระดับมาร์จิ้นลดลงมาถึงการแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้นที่โบรกเกอร์ระบุเอาไว้สำหรับบัญชีแต่ละประเภท |
คำสั่ง Stop Out |
Stop Out คือการปิดสถานะโดยอัตโนมัติ เมื่อระดับมาร์จิ้นไปถึงระดับ Stop Out ที่โบรกเกอร์ระบุเอาไว้สำหรับบัญชีแต่ละประเภท |
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับการแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้นและ Stop Out สำหรับประเภทบัญชีต่างๆ ได้ในบทความนี้